การจลาจลในลอสแอนเจลิส พ.ศ. 2535 หรือ
การก่อการกำเริบในลอสแอนเจลิส พ.ศ. 2535[5] เป็น
การก่อความไม่สงบที่เกิดขึ้นใน
เทศมณฑลลอสแอนเจลิส ระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2535 ความไม่สงบเริ่มขึ้นในวันที่ 29 เมษายน เมื่อมีคำพิพากษาให้ตำรวจ 4 นายพ้นผิดจากข้อหากระทำการเกินกว่าเหตุและทำร้ายร่างกายขณะจับกุม
รอดนีย์ คิง ชายผิวสีที่ก่อเหตุเมาแล้วขับ การจลาจลดำเนินอยู่ 6 วันก่อนจะจบลงในวันที่ 4 พฤษภาคม มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 50 คน ทรัพย์สินเสียหายคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
[6]การจลาจลในลอสแอนเจลิสในปี พ.ศ. 2535 เป็นผลพวงมาจากหลายสาเหตุ เดือนมีนาคม พ.ศ. 2534 ความขัดแย้งทางเชื้อชาติระหว่าง
ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกากับ
ชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลีเพิ่มสูงขึ้นเมื่อซุน จาดู เจ้าของร้านค้าผู้มีเชื้อสายเกาหลียิงลาตาชา ฮาร์ลินส์ เด็กสาวผิวสีวัย 15 ปีจนเสียชีวิตหลังดูกล่าวหาว่าฮาร์ลินส์พยายามขโมยของในร้าน
[7][8] เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2534 คณะลูกขุนมีความเห็นให้ดูมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา (voluntary manslaughter) มีโทษสูงสุดคือจำคุก 16 ปี แต่
จอยซ์ คาร์ลิน ผู้พิพากษาตัดสินให้ดูถูกคุมประพฤติ 5 ปี บำเพ็ญงานสาธารณประโยชน์ 400 ชั่วโมง และปรับ 500 ดอลลาร์สหรัฐ
[9][10] ในเดือนเดียวกับที่ดูก่อเหตุ รอดนีย์ คิงและเพื่อนอีก 2 คนถูกตำรวจจับกุมหลังเมาแล้วขับและพยายามหลบหนีการจับกุม คิงและเพื่อนถูกตำรวจรุมทำร้ายระหว่างการจับกุม ซึ่งมีผู้บันทึกวิดีโอเหตุการณ์ไว้ได้แล้วส่งไปให้สำนักข่าวท้องถิ่น
เคทีแอลเอ[11]:85 เดือนเมษายน พ.ศ. 2535 หลัง
อัยการเขตเทศมณฑลลอสแอนเจลิสตั้งข้อหาตำรวจ 4 นายว่ากระทำการเกินกว่าเหตุและใช้กำลังประทุษร้าย
[12] คณะลูกขุนที่ส่วนใหญ่เป็นชาวอเมริกันผิวขาวมีความเห็นให้ตำรวจทั้ง 4 นายไม่มีความผิด
[13] หลังตีความเหตุการณ์ในวิดีโอว่าคิงพยายามขัดขืนการจับกุม
[14]หลังประกาศคำพิพากษาในวันที่ 29 เมษายน เกิดการชุมนุมที่หน้ากรมตำรวจลอสแอนเจลิสและชาวผิวสีบางกลุ่มที่โกรธแค้นเริ่มไล่ทำร้ายชาวอเมริกันผิวขาวใน
ลอสแอนเจลิสใต้ ก่อนที่วันต่อมามีการประกาศ
เคอร์ฟิว และความรุนแรงแผ่ขยายไปเป็นการวางเพลิงและปล้นทรัพย์ใน
ลอสแอนเจลิสกลาง รวมถึงการปะทะกันระหว่างชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกากับชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลีเมื่อมีผู้ก่อการจลาจลบุก
โคเรียทาวน์ วันที่ 1 พฤษภาคม รอดนีย์ คิงเรียกร้องให้มีการยุติการจลาจล มีการเคลื่อนกำลังจากรัฐบาลท้องถิ่นและรัฐบาลกลางรวมกว่า 10,000 นายเข้ามาในเมือง วันที่ 4 ของการจลาจล (2 พฤษภาคม) มีการเพิ่มกำลังเสริมรวมเป็น 13,500 นาย ทำให้ลอสแอนเจลิสกลายเป็นเมืองที่ถูกกองประจำการสหรัฐยึดครองมากที่สุดนับตั้งแต่
การจลาจลในวอชิงตัน ดี.ซี. พ.ศ. 2511[15] การจลาจลจบลงในวันที่ 4 พฤษภาคม เมื่อกองกำลังรัฐบาลควบคุมสถานการณ์ไว้ได้และยกเลิกเคอร์ฟิว แต่ให้คงกำลังไว้จนถึงวันที่ 27 พฤษภาคม
[16]หลังเหตุการณ์สงบ มีผู้เสียชีวิต 63 คน บาดเจ็บ 2,383 คน และถูกจับกุม 12,111 คน อาคารบ้านเรือนถูกเผาทำลายกว่า 3,767 แห่ง
[17] กรมตำรวจลอสแอนเจลิสถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงบทบาทในการควบคุมและจัดการสถานการณ์ที่ผิดพลาดจน
แดริล เกตส์ ผู้บัญชาการตำรวจประกาศลาออก
[18] ด้านคดีรอดนีย์ คิงได้รับการพิจารณาใหม่ในปี พ.ศ. 2536 นำไปสู่การตัดสินโทษตำรวจ 4 นายที่เคยทำร้ายคิง โดย 2 นายได้รับโทษจำคุก 30 เดือนฐานละเมิดสิทธิพลเมือง ส่วนอีก 2 นายถูกไล่ออกจากกรมตำรวจลอสแอนเจลิส
[19] ส่วนคิงได้รับเงินชดเชย 3.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
[20]